ทิ้งความวุ่นวายไปเที่ยวน่าน วันนี้เราอยากมาเล่าถึงการไปเที่ยวจังหวัดน่านที่ทำให้เราได้ไปเติมแรงใจหนีเมืองกรุงที่แสนวุ่นวายไปดื่มด่ำความสงบท่ามกลาง ธรรมชาติ จริงจริงแล้วจังหวัดน่านเป็นเมืองเล็กเล็กที่เราไม่เคยคิดว่าจะมาเยือนเลยละ แต่ครั้งนี้ทนความธรรมชาติไม่ไหว จากการหาข้อมูลบอกเราเลยว่า นี่แหละจังหวัดที่เราต้องไปสักครั้งหนึ่ง
เราออกเดินทางครั้งนี้ด้วยเครื่องบินเพราะว่ารถไฟไม่มีไปลงที่จังหวัดน่านต้องต่อรถข้ามจังหวัดเข้าไปอีก เราเลยคำนวนการเดินทางดูแล้วการนั่งเครื่องบินน่าจะดีที่สุด ใช้เวลาไม่นานแค่ชั่วโมงนิดนิดก็ถึงที่จังหวัดน่านแล้วละค่ะ แถมช่วงที่เราไปราคาตั๋วเครื่องบินก็ไม่สูงมากด้วย ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นช่วงนั้นด้วยนะคะ ทริปครั้งนี้เราวางไว้ว่าจะไปเที่ยวประมาณสามวันค่ะ วันแรกก็ประทับใจในธรรมชาติแล้ว
หลังจากลงจากเครื่องบินเราก็ไปเช่ารถและขับมุ่งตรงไปยังอำเภอปัวเลยค่ะ เป็นอำเภอที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายที่ไปจังหวัดน่านต้องไม่พลาด ไม่งั้นเรียกว่ามาไม่ถึงเมืองน่านนะคะทุกคน ที่นี่เรียกว่ามีความธรรมชาติของทุ่งนามากมายเหมาะแก่การเตรียมตัวไปถ่ายรูปสวยสวย ท่ามกลางทุ่งนาสีเขียวสดใส บางช่วงถ้าไปก็จะเจอกับสีทองอร่ามของช่วงที่รวงข้าวกำลังสุกพร้อมเก็บเกี่ยวก็ได้ค่ะ นอกจากความธรรมชาติของทุ่งนาแล้วยังมีภาพของภูเขาที่รายล้อมแบบสร้างบรรยากาศดีดีให้กับเราที่มาเยือนด้วยนะคะ เรียกว่าหาถ่ายภาพในบรรยากาศทุ่งนาได้เรื่อยเรื่อยเลยละค่ะ ชอบตรงไหนก็จอดแวะเก็บภาพบรรยากาศสวยสวยได้เลย
นอกจากนั้นที่เที่ยวในอำเภอปัวยังมีวังศิลาแลง ที่ถือเป็นแกรนด์แคนยอนของเมืองน่านในอำเภอปัวเลยนะคะ จุดเด่นของที่นี่จะเป็นโขดหินต่างๆหลากหลายระดับและมีน้ำไหลผ่าน เส้นทางน้ำคดเคี้ยวแบบธรรมชาติสร้าง ถือว่าเป็นอีกที่ที่น่ามาเก็บภาพไว้เลยละค่ะ น้ำที่นี่ยังคงใสและสะอาดมากมากพอเอาเท้าไปจุ่มบอกเลยเย็นสดชื่นใจไปเลย จริงจริงถ้าจะลงเล่นน้ำก็ได้นะคะแต่เรายังไม่อยากลงเพราะถ้าลงแช่น้ำไปน่าจะยาวเลยละค่ะ
หลังจากนั้นเราก็ตรงไปที่โรงเรียนชาวนาซึ่งมีที่ให้พักค้างคืนด้วยค่ะ ความสงบของที่นี่กลายเป็นสิงที่มีเสน่ห์สำหรับเราเลยเพราะความเป็นอยู่แบบเรียบง่ายนี้สร้างเสน่ห์ในตัวให้แก่เมืองน่านเป็นอย่างดีค่ะ สำหรับที่พักคืนนี้ของเราเรียกว่าสมชื่อโรงเรียนชาวนามากมาก เพราะโอบล้อมไปด้วยทุ่งนามีเสียงแมลงร้องตามธรรมชาติ ซึ่งจริงจริงแล้วที่นี่เป็นเหมือนแหล่งเรียนรู้และมีการฝึกสอนวิธีการปลูกข้าวแบบไร้สารเคมีด้วยนะคะ เรียกว่าเป็นการสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น อากาศที่นี่ไม่ต้องพูดถึงลืมเครื่องปรับอากาศไปได้เลยค่ะ เพราะอากาศเย็นสบายน่านอนมากๆ เราแทบไม่เปิดพัดลมเลยเพราะแค่ลมที่พัดโชยมาจากทุ่งนาก็ทำเราเย็นสบายแล้วละค่ะ
พอวันรุ่งขึ้นเราก็ตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าแบบฟินฟินกับอากาศที่เย็นสบาย เรียกว่ามีหมอกจางจางและความสดชื่นจากต้นไม้กับหุบเขา อากาสสดชื่นเต็มปอดมากมากเลยจ๊ะ แบบที่ไม่มีฝุ่นควันพิษมารบกวนใดใดใครจะไม่รักที่นี่ละคะ หลังจากดื่มด่ำบรรยากาศดีดีพร้อมกาแฟอุ่นอุ่น เราก็ออกไปใส่บาตรรับบุญที่ที่พักได้เตรียมพร้อมไว้ให้ โดยจะมีพระสงฆ์เดินมารับบาตเรียกว่าเราออกไปรับบุญแบบที่ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก ที่ที่พักเตรียมครบเลยละค่ะ
เสร็จแล้วเราก็เก็บกระเป๋าเตรียมออกจากที่พักโรงเรียนชาวนาและแวะไปที่วังน้ำปัวค่ะ ซึ่งที่นี่เป็นที่ที่เราประทับใจอีกที่หนึ่งในจังหวัดน่าน เก็บสถานที่ที่มีความเป็นธรรมชาติ น้ำใสสะอาดมากมาก ที่วังน้ำปัวมีล่องแก่งไว้ให้นักท่องเที่ยวด้วยนะคะหรือใครไม่อยากเปียกแบบเต็มตัวแค่แช่น้ำเย็นๆนั่งริมๆก็ฟินมากมายแล้วจ้า บรรยากาศที่นี่ถือว่าดีมากมากเราชอบเสียงผ่านของน้ำและความสดชื่นของธรรมชาติแถมยังมีที่พักที่อยู่ริมน้ำ กางเต๊นท์แบบประชิดธรรมชาติกันไปเลยค่ะ ใครชอบแนวนี้บอกเลยว่าอย่าพลาดนะคะ
พอออกมาจากวังน้ำปัวแล้วเราก็ตรงมาที่ดอยเสมอดาวค่ะ เรียกว่าเป็นที่นอนดูดาวสุดแสนจะธรรมดาแต่สร้างความประทับใจได้แบบน่าจดจำทีเดียวค่ะ คืนนี้เรามานอนเต๊นท์เพื่อชมความสวยงามของท้องฟ้า แถมด้วยก่อนนอนที่มาชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นแบบที่หาดูได้ยากในกรุงเทพฯด้วยนะคะ เรื่องอาหารการกินขึ้นมาบนดอยเจออากาศหนาวหนาวแบบนี้ ที่พักก็มีบริการหมูกระทะให้ปิ้งกันเพลินเพลินด้วยค่ะ พอตอนเช้าก็เตรียมพร้อมขึ้นไปชมทะเลหมอกแต่ก่อนจะได้เห็นความสวยงามก็ต้องแลกกับการเดนไปที่ที่เป็นจุดชมวิวซึ่งไม่ใช่ง่ายง่ายนะคะ เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันสำหรับคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกายแบบเรา
ในวันต่อมาหลังจากชื่นชมทะเลหมอกช่วงเช้าเรียบร้อยเราก็แวะไปเที่ยวที่ เสาดินนาน้อย ที่เป็นการสร้างขึ้นโดยธรรมชาติที่มีความแปลกใหม่ เสาดินนาน้อยตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติศรีน่าน ซึ่งถือว่าเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดนี้เลยนะคะ ที่นี่จะเป็นเสาดินที่มีรูปร่างที่แตกต่างกันออกไปซึ่งเป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติจากดินที่ตกตะกอนและเกิดยุบตัวรวมถึงการพังทลายและสุดท้ายออกมาเป็นเสาหินต่างระดับที่เรียงกันไปแบบที่มีรูปทรงแปลกใหม่ ถือเป็นสถานที่ธรรมชาติสร้างให้เราได้เห็นค่ะ
หลังจากนั้นก็แวะไปที่วัดพระธาตุเขาน้อย เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลและแถมยังมีมุมให้ถ่ายรูปแบบรอบเมืองน่านด้วยนะคะ หลังจากนั้นเราก็ไปหาอะไรกินเพื่อเตรียมตัวกลับเรียกว่าเป็นทริปหนีความวุ่นวายแบบทันที ที่เราบอกว่าทันทีเพราะพอเท้าก้าวลงจากเครื่องบินมาถึงแผ่นดินน่านก็ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของบรรยากาศรอบตัว เรียกว่าเป็นการท่องเที่ยวแบบสบายสบาย กิน นอน ดื่มด่ำบรรยากาศให้เต็มปอดเพื่อกลับไปสู้งานอีกครั้งเลยละค่ะ เราเคยมองข้ามจังหวัดน่านไปเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรให้เที่ยวแต่พอได้มาจริงจริงบอกเลยว่าประทับใจมากมากค่ะ ได้พักอย่างเต็มอิ่มถึงจะเป็นเวลาสั้นไม่กี่วัน แต่บอกได้เลยว่าชื่นใจจริงจริงค่ะ