น้องชายกลัวว่า ชีวิตที่ต้องเติบโตมาด้วยพี่น้อง นับเป็นอีกหนึ่งสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบ้าน ไม่ใช่ว่าทุกบ้านจะมีลูกมากกว่าหนึ่งคนอย่างแน่นอน การมีพี่น้องเป็นเรื่องที่สร้างความทรงจำที่ดีให้กับเรา และเรื่องไม่ดีก็มีมากมายเช่นเดียวกัน แต่หากจะถามถึงความคิดฉัน ฉันว่าการมีพี่น้องมันเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์หนึ่งที่ควรจะต้องได้ลองสัมผัสดูสักครั้ง แน่นอนว่าสำหรับใครที่ไม่ได้มีพี่น้องก็ไม่จำเป็นต้องน้อยเนื้อต่ำใจแต่อย่างใด หรือซ้ำร้ายกว่านั้นคือไปขอร้องให้พ่อแม่ช่วยทำน้องขึ้นมาอีก นั่นก็เป็นเรื่องที่ออกจะขำไปเสียหน่อย เรายังสามารถที่จะมีพี่น้องได้จากบรรดาญาติที่พวกเขามีลูก
ก็นับเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเราซึ่งมันก็เหมือนกับการเป็นพี่น้องกันแล้ว หรือแม้แต่เพื่อนๆที่ได้รู้จักกับเรานั่นก็เหมือนการเป็นพี่น้องเช่นเดียวกัน สัมพันธ์ของพี่น้องเป็นเรื่องราวที่ประหลาดอย่างหนึ่งคือ การทะเลาะกัน เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยที่สุด มันเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน หรือทุกเวลาของแต่ละวันด้วย การทะเลาะกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องมีปากเสียงกันเรื่องเล็กเรื่องน้อย ไปจนถึงเรื่องใหญ่โตใดๆ ก็เหมือนเป็นสีสันและบทเรียนให้เราได้เข้าใจอะไรมากขึ้น ฉันอยากให้ทุกคนได้ลองอ่านเรื่องราวของพี่น้องคู่นี้ที่เป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง เรารู้จักกันตั้งแต่เด็กทำให้เหมือนกับว่าเราโตมาด้วยกันเลย เธอเป็นเพื่อนสนิทของฉันชื่อว่า เบตตี้
เธอเป็นเด็กสาวที่หน้าตาน่ารักเป็นที่รักใคร่ของผู้ใหญ่ทุกคน ที่โรงเรียนเธอก็เป็นที่รักของคุณครูอีกด้วย แต่ดูเหมือนว่าจะมีกลุ่มสาวแสบประจำโรงเรียนไม่ค่อยชอบขี้หน้าเธอนักเพราะมองว่าเธอเป็นตัวเสแสร้งที่ชอบทำตัวเป็นคนอื่นต่อหน้าคนอื่นเพื่อหวังได้รับคำชื่นชม ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องจริงแม้แต่น้อย ให้ตายเถอะฉันรู้จักกับเบตตี้มาตั้งแต่อนุบาลแล้วนะ พ่อแม่ของเราก็รู้จักกันเป็นอย่างดี บ้าเราก็ยังอยู่ตรงข้ามกันอีก หากถามรายละเอียดใดๆเกี่ยวกับเธอบอกเลยว่าฉันสามารถอธิบายออกมาได้อย่างละเอียดอย่างสูงสุดเลยล่ะ แต่การที่เพื่อนสาวหมันไส้เธอนั้นทำให้เมื่อมีการจับกลุ่มขนาดใหญ่และเธอต้องไปร่วมงานกับเพื่อนสาวเหล่านั้นทำให้เธอเกิดปัญหาสำคัญขึ้นแล้ว
สาวๆเหล่านั้นอ้างว่าถ้าต้องทำงานกับเบตตี้เธอขอยอมไม่ได้คะแนนเสียดีกว่า เบตตี้ได้ยินแบบนั้นก็ไม่พอใจสุดๆ เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดเพื่อนของเธอถึงเกลียดเธอได้ขนาดนี้แต่แทนที่เบตตี้จะเอาแต่คิดถึงเรื่องราวที่ได้เกิดขึ้น เธอกลับเลือกที่จะใช้เวลาเหล่านี้ค้นคว้าข้อมูลมาทำโครงงานวิทยาศาสตร์ส่งครู และตั้งใจว่าจะทำงานเดี่ยวส่งแทนที่จะใส่ชื่อพวกสาวแสบพวกนั้น เบตตี้ตั้งใจจะทำโครงงานที่เกี่ยวกับนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เธอต้องการสร้างเครื่องมือช่วยดักจับฝุ่นพิษในอากาศที่คิดค้นให้ทำงานได้ด้วยระบบพลังงานหมุนเวียน และยังสามารถซ่อมแซมเครื่องจักรได้ด้วยตนเองอีกด้วย
นับเป็นโครงงานที่มีปริมาณงานมหาศาลเลยเมื่อไม่มีเพื่อนคนอื่นๆคอยช่วยงานเลย ก็ทำให้เบตตี้ทำงานยากลำบากขึ้นหลายเท่าตัวเลยทีเดียว เบตตี้ต้องอดหลับอดนอนหลายวันและเลิกการทำงานพาร์ทไทม์ทั้งหมดไปเลยเพื่อหวังให้โรงงานนี้เป็นเครื่องการันตีความสามารถที่แสนโดดเด่นของตนเอง แต่ว่าการต้องทำงานที่ใช้ระบบประมวลผลทำงานตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องที่ทำด้วยความยากลำบากแต่ทว่ามันก็ต้องอาศัยร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ด้วย ตอนนี้สิ่งที่เบตตี้กังวลและกลัวมากที่สุดคือการที่ทำงานคนเดียวแล้วจะไม่สามารถทำส่งได้ตามกำหนดส่งน่ะสิ ไม่รู้ว่าเธอจะสามารถทำงานขนาดใหญ่นี้เสร็จได้ทันหรือไม่
กำหนดส่งงานคืออีก 2 สัปดาห์ แต่ตัวงานของเธอยังก้าวไปได้แค่ 40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แม้ว่าเบตตี้จะยอมอดหลับอดนอนในการทำตลอดเวลาทุกวันและทุ่มเทให้กับโครงงานมากแค่ไหนตัวเธอก็ยังแอบหวั่นใจอยู่ดีว่าจะไม่ทัน เธอตัดสินใจเรียกเจ้าน้องชายของเธอมาคอยนั่งเป็นเพื่อนทุกครั้งหวังให้เธอได้มีเพื่อนคุยไปด้วยจะไม่ได้ไม่หลับระหว่างทำงาน ให้ตายเถอะ คุณรู้ไหมว่าการพูดเรื่องอะไรทำให้ตาของคนเราเบิกกว้างได้มากที่สุด ก็การที่เราพูดถึงเรื่องของคนอื่นอย่างไงล่ะ ตานี้เบิกกว้างมากและไม่รู้สึกง่วงเลย น้องชายไม่ได้มีประโยชน์แค่เป็นเพื่อนคุยอย่างแน่นอนเพราะเขาจำเป็นจะต้องมานั่งช่วยทำโครงงานนี้ด้วย
โครงงานวิทย์นี้อาจจะเสร็จทันก็ได้แต่เบตตี้ก็ยังไม่มั่นใจเท่าที่ควร จนเมื่อระยะเวลาในการทำเหลือเพียง 5 วัน ตอนนี้เบตตี้มั่นใจแล้วล่ะว่าไม่สามารถทำเสร็จได้ทันกำหนดส่งอย่างแน่นอน แต่ว่าเรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ๆเสียงออดประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้น เป็นเวลาค่ำแล้วแต่ว่าใครจะมาหาเธอกันนะ เมื่อเบตตี้เปิดประตูออกไปก็พบกับแก๊งเด็ดแสบพร้อมกับอุปกรณ์ในมือพร้อม เธอถามว่ามาทำอะไร พวกเด็กแสบยิ้มแล้วก็บอกว่าก็มาช่วยยัยบ้าที่ไหนไม่รู้ที่อยากทำงานคนเดียว ทำงานให้เสร็จอย่างไรล่ะ เมื่อถามเรื่องราวก็พบว่าโครงงานของพวกเธอนั้นเสร็จไปนานแล้วเพราะพวกเธอจ้างนักศึกษามหาวิทยาลัยให้ทำให้เป็นที่เรียบร้อย
และเธอก็ไม่ได้โกรธอะไรที่เบตตี้ตั้งใจจะทำงานกลุ่มคนเดียวเพราะรู้อยู่แล้วแต่เมื่อเห็นสภาพขอบตาอันน่าสงสารของเธอก็รู้เลยว่าเธอต้องเหนื่อยมากแค่ไหนกับการทำงานโครงงานนี้คนเดียว พวกสาวแสบไม่ได้ต้องการให้เบตตี้ใส่ชื่อพวกเธอและโครงงานแต่ทำเพราะต้องการช่วยจริงๆ เบตตี้ประทับใจมากแต่ก็มีแอบหวั่นใจว่าจะโดนหลอกหรือแกล้งอะไรหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าสาวๆไม่ได้ตั้งใจแกล้งเธอเลย มิหนำซ้ำพวกเธอยังยอมที่จะมาช่วยเธอทุกวันจนงานเสร็จอีกด้วย ตลอดเวลาที่ทำงานร่วมกันพวกเธอทุกคนก็ได้มีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้น และได้รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกเธอมีอะไรที่คล้ายกันมากกว่าที่คิดเยอะมาก
พวกเธอนั้นชอบวิทยาศาสตร์เหมือนกัน ชอบศิลปะด้วยเหมือนกัน เบตตี้ได้รู้ว่าพวกสาวพวกนี้ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่เธอคิด เพราะสิ่งที่เลวร้ายน่าจะเป็นวิธีปลุกของน้องชายเธอมากกว่า ที่มักจะตีเนื้อเธออย่างรุนแรงเพราะกลัวว่าเธอจะหลับและงานไม่เสร็จมากกว่า
