
เจาะไขสันหลัง สวัสดีค่ะ สังเกตว่าทุกคำของกระทู้นี้เราใส่ ? (หรือคำว่าเหรอ)ตามหลังหมดเลย เพราะที่เราพูดมาเราคิดไปเองทั้งหมดหน่ะสิ จะจริงหรือไม่จริงมาตามอ่านกันนะคะ
คราวที่แล้วเราเล่าถึงตอนที่หมอจะ”เจาะไขสัน”หลัง แล้ว หมอเข้ามาพร้อมเข็มแล้ว เข็มนั้นมันยาวมาก ก็คุณคิดดูสิค่ะ มันต้องเจาะผ่าน ผิวหนังเรา ไขมันเราและอะไรต่อมิอะไรไปถึงกระดูกเรา แม่ซึ่งนั่งอยู่ถึงขั้นตกใจ แอบกระซิบถามเราว่าจะเอายาสลบไหม (แต่เราคิดว่าตอนนั้นเราสลบไปแล้วนะ ฮ่าๆ) พยาบาลมาปลอบเราที่หน้าเขียวไปแล้วว่า “ไม่เจ็บหรอก” คุณหมอตอบกลับมาว่า”เจ็บอยู่แล้ว เข็มขนาดนี้แทงหลัง” (เอ่อ…)
และคุณหมอก็ไล่เราไปเข้าห้องน้ำ เราก็งงว่าไล่ทำไม อีกไม่นานก็จะรู้ค่ะ คุณหมอไล่คุณพ่อและคุณแม่ออกจากห้อง และบอกให้เรานอน”ท่าไข่” เราก็งงว่าท่าอะไร พยาบาลบอกให้เรา”นอนหันข้าง และงอเข่าให้ชิดคางที่สุด– ให้คุณลองนึกถึงไข่ ทำท่าให้เหมือนไข่ที่สุดนั่นแหล่ะค่ะ–” พยาบาลเตรียมเครื่องมือเตรียมเราเป็นลมเต็มทั้ง ยาดม ยาหม่อง
และจับมือเรา ตอนนั้นเราสวดมนต์แบบคาทอลิกทุกบทที่แทบจะนึกได้ และนึกในใจว่าเคยมีคนเจาะสันหลังแล้วช๊อคตายไปเลยมั้ย เราอาจเป็นรายแรกของโลก (คิดอะไรเพ้อเจ้อนะเนี่ยเรา) แล้วเราก็รู้สึกว่ามีเข็มเจาะที่หลังเรา มันเริ่มแล้วเหรอ..เริ่มแล้วใช่ไหม พระเจ้าหนูทำอะไรผิดเหรอคะ ทำไมต้องให้หนูเจอสิ่งที่โหดร้ายแบบนี้ (สังเกตุว่าหนังฝรั่งทุกเรื่องเวลามีอะไรร้ายๆ ตัวเอกจะโทษพระเจ้าตลอด…เราก็เช่นกัน บางทีพระองค์ก็มีเหตุผลของพระองค์ที่ทำให้เราเจออะไรแบบนี้) จากนั้น…เราก็
เราก
เราก็
.
.
ชา ชาไม่รู้สึกอะไรเลย
จากนั้นเราก็รู้สึกเข็มใหญ่แทงเข้ามา 5นาทีผ่านไป เราก็ได้ยินพ่อตะโกนว่า เสร็จแล้วๆ และคุณหมอก็บอกว่า “อืม น้ำใสดี”
จากนั้นพยาบาลก็จับเรานอนหงาย แล้วบอกว่าเสร็จแล้วค่ะ หลังเรายังชาอยู่เลย “เสร็จแล้วเหรอ” เรางง เพราะมันเร็วมากๆ 5นาทีเอง คืออารมณ์แบ่บถ้าต้มไข่ยังไม่สุกเลยอ่ะ
กรี๊ดดดดดด อีพวกละครหนังมันหลอกเราชัดๆ นางเอกเวลาเจาะจะทำท่าทรมานมากภาพก็น่ากลัวสุดๆ จำไว้ให้แม่นๆเลยนะคะว่าอย่าเชื่อพวกหนังพวกละคร มันทำโอเวอร์เพื่อให้เรามีอารมณ์ร่วมค่ะ
(ความจริงควรเสนอตามจริงนะ ทำแบบนี้มันบิดเบือนความจริงชัดๆ) เราอายมากๆที่โวยวาแบบนี้ เจาะเลือด(เพื่อไปตรวจอะไรไม่รู้)หลังจากการเจาะไขสีนหลังยังเจ็บกว่าอีกและที่ทรมานจริงคือต้องนอนหงายเฉยๆ 6-8ชม.หลังจากนี้ต่างหาก!!! (เพื่อกดเลือด)คือเราต้องนอนหงายขยับไปไหนไม่ได้เลยเลยต่างหาก ช่วงนั้นป้าเรามาเฝ้าต่อ เพราะพ่อแม่เราต้องเอาน้ำไขสันหลังของเราไปศิริราชด่วน เพื่อตรวจหาโรค MS ด่วน (ศูนย์ตรวจหาMSมีที่นั่นที่เดียวค่ะ) เราต้องนอนเป็นตุ๊กตา ทรมานอยู่แบบนั้น หลับก็ไม่หลับ ทีวีเก่าๆที่คุณอาเอามาให้ ก็มีคลื่นซ่าทุกช่อง เลยไม่มีอะไรดู มือถือก็ใช้ไม่ได้ และนี่คือเหตุผลที่คุณหมอไล่เราไปเข้าห้องน้ำก่อน
แต่ไอ้ ? ที่ว่าเจ็บเจียนตายตัดออกไปเลยนะคะ ที่เห็นในละครในหนังเท่านั้นแหล่ะค่ะ ที่ทรมานจริงๆคือการต้องนอนเฉยๆ6-8ชม. ต่างหาก
และเรื่องต่อไปที่เรากังวลคือ เวลาเรียนของเรา เพราะเราอยู่โรงพยาบาลสองอาทิตย์ มหาลัยเปิดเทอมไปแล้วหนึ่งอาทิตย์ตอนนั้น เท่ากับว่าเราขาดเรียนไปหนึ่งอาทิตย์!! เราปีสี่แล้วไม่อยากต้องพลาดดรอปไปเรียนกับรุ่นน้อง
เราให้คุณหมอเขียนใบลาให้ (ใบลาป่วยเนี่ยถือเป็นทองคำเลยนะคะ เพราะหมอส่วนใหญ่เขาไม่ปลอมให้ เพราะถ้ามจับได้ว่าปลอมคุณหมอเขาจะถูกยึดใบประกอบโรคศิลป์ แล้วอาชีพเขาก็จบ ถ้าใครเข้ามหาลัยแล้วอย่าคิดว่าจะโดดไปเที่ยวเล่น แล้วมาหาใบลาป่วยเมื่อเวลาเรียนไม่พอ อย่าทำนะคะ) คุณหมอก็เขียนให้อย่างละเอียด จน…จนเราลืมไปว่าเราเรียนภาคภาษาอังกฤษ!!!
วันแรกที่เราไปเรียน เนื่องจากเรายังต้องกิน
เสตียรอยด์ อาเราก็กลัวว่าเราจะไปติดเชื้อที่ไหนเข้าก็เลยให้ใส่หน้ากากไป ตอนนั้นไข้หวัดนกH5N1กำลังระบาด คนเห็นเราใส่หน้ากากก็กลัวเดินห่างจากเรา2เมตรได้มั้ง (ความจริงเวลาคุณป่วย เป็นหวัดไรเงี้ย คุณต้องใส่หน้ากากนะคะ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปหาคนอื่น เพราะคนที่กินยากดภูมิอย่างเราเงี้ย หรือคนที่เป็นโรคป่วยทางภูมิคุ้มกันเขารับเชื้อโรคกันไม่ได้ มันเป็นความรับผิดชอบทางสังคมค่ะ ถ้าเราต้องกินเสตียรอยด์ต่อไป เราจะใช้ชีวิตโดยใส่หน้ากาดตลอดไปไม่ได้นะคะ)วันแรกที่เราไปเรียน เราบอกอาจารย์ขอเรียกว่าอาจารย์ a
อาจารย์aเป็นคนต่างชาติ(เพราะเราเรียนภาคภาษาอังกฤษค่ะ) แต่เราอธิบายตามใบลาค่ะ แต่คุณหมอเขียนเป็นภาษาไทย และเป็นภาษาหมอ มันเลยอบายยากมาก พอเราบอกว่า”Dr. said may be MS” อาจารย์เขาตกใจมาก (เราบอกหรือยังว่าฝรั่งมีคนเป็นโรคนี้เยอะ) แล้วอาจารย์ก็ลูบหัวเราและบอกว่าไม่เป็นไร เขาจะช่วยบอกofficeคณะ และ อาจารย์คนอื่นให้ ตั้งแต่นั้นพอเราจะอ้าปากบอกอาจารย์คณะคนอื่น(ที่เป็นฝรั่ง)เขาก็จะพูดเลยว่าไม่เป็นไร ไม่ไหวหรือมีอาการอะไรให้บอก และทางofficeคณะก็บอกว่าไม่ต้องดรอปทุกวิชา เพราะ อาจารย์a อธิบายแล้วว่าเราป่วยจริงๆ และเป็นอาการทางสมองที่ค่อนข้างหายากในประเทศไทย และยังไม่มีทางรักษา เราไม่ได้ยื่นใบลาปลอมๆเพื่อไปเที่ยวเล่น
เพราะฉะนั้นเราเรียนจบแน่ๆ ต้ด?ตรงเรียนจบไปได้เลย ขอบคุณมากๆค่ะ อาจารย์ a เลย?ตัวสุดท้าย และเป็น?ที่ใหญ่ที่สุด คือเราเป็น MS หรือไม่ คุณจะได้ทราบในตอนหน้าค่ะ
Book